ปาดน้ำตา วิ่งวัน 8 โลป้อนข้าวแม่-ยาย ‘วัลลี ยอดกตัญญู’ เจ้าของตำนานเด็กดี บั้นปลายวัย 54 ไม่เหมือนเดิม
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2524 ถ้าเอ่ยชื่อ ‘เด็กหญิงวัลลี ณรงค์เวทย์’ วัย 12 ปี นักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนวัดโรงธรรม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะหนังสือพิมพ์ได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตของ ‘วัลลี’ เด็กหญิงที่ต้องแบกรับภาระ ต้องวิ่งไปมาระหว่างโรงเรียนกับบ้านระยะทาง 8 กิโลเมตร ทุก ๆ วัน
เพราะต้องคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับแม่ แถมยังช่วยดูแลยายที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีกด้วย
จนทำให้ชีวิตของ ‘วัลลี ลูกกตัญญู’ โด่งดังไปทั่วประเทศ และถูกหยิบยกเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และเขียนเป็นหนังสือจนโด่งดังในช่วงพริบตา
และหลังจากนั้น ‘วัลลี’ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากผู้คน หน่วยงานต่าง ๆ และอีกมากมาย แต่ใช่ว่า ‘วัลลี’ จะกลายเป็นที่รู้จักเพียงคนเดียวเท่านั้น
เพราะยังส่งผลให้ ‘สมฤดี นุ่มอำพันธ์’ ดารานักแสดงที่มารับบทเป็น ‘วัลลี ยอดกตัญญู’ ใน ภาพยนตร์เรื่อง ‘วัลลี’ พลอยโด่งดังไปด้วย เพราะ กระแต ‘สมฤดี นุ่มอำพันธ์’ แสดงได้ดี
จนแฟนๆ ต่างพากันร้องตาม ประหนึ่งคิดว่า ‘สมฤดี นุ่มอำพันธ์’ คือ ‘วัลลี ตัวจริง’ ซึ่งทำให้ ‘สมฤดี นุ่มอำพันธ์’ มีงานแสดงต่างๆ ติดต่อเข้ามามากมาย
แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 30 ปี แต่ภาพความกตัญญูของ ‘วัลลี’ ยังตราตรึงในความรู้สึกของคนทั่วไป ภาพเด็กน้อยที่ช่วงพักกลางวันต้องวิ่งจากโรงเรียน เพื่อมาดูแลแม่และยาย
ยังเป็นที่จดจำได้ดี เรื่องราวความกตัญญูของ ‘วัลลี’ จึงถูกนำเสนอในสื่อ และมีการถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘วัลลี’ เด็กหญิงยอดกตัญญู
หลังจากที่เรื่องราวชีวิตของ ‘วัลลี’ กลายเป็นที่รู้จัก ‘วัลลี ลูกกตัญญู’ ก็ได้รับทุนการศึกษาจนสามารถเล่าเรียนจนจบระดับ ปวช. ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม
แต่ติดปัญหาเรื่องสุขภาพของยาย ทำให้ ‘วัลลี ณรงค์เวทย์’ ตัดสินใจไม่เรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร โดยเลือกที่จะลงเรียนมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
เพราะสามารถเรียนอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงครามได้ และระหว่างนั้น ‘วัลลี’ ได้พบรักกับ ‘ธนพัฒน์ บุญเส็ง’ ตำรวจหนุ่มยศสิบโท จนแต่งงานกลายเป็น ‘วัลลี บุญเส็ง’
โดยในปี 2536 วัลลี ได้ให้กำเนิดลูกคนแรกเป็นลูกชายชื่อ ‘ไอซ์’ และอีก 6 ปีต่อมา คือ ในปี 2542 ‘วัลลี’ ก็ให้กำเนิดลูกสาวอีกคนหนึ่ง ชื่อ ‘น้ำหวาน’
‘วัลลี’ เรียนไม่จบ เพราะระหว่างที่เรียนได้ทำงานไปด้วย โดยเริ่มงานธนาคารตั้งแต่ปี 2533 และแต่งงานปี 2535 จึงไม่มีเวลาเรียนต่อ ทำงานอยู่ 8 ปี จึงตัดสินใจลาออก
ตอนนั้นได้ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายบริหารแล้ว เป็นจังหวะที่มีลูกด้วย จึงอยากใช้เวลามาดูแลลูกให้มากขึ้น และตัดสินใจลงทุนเปิดกิจการของตัวอง ประกอบอาชีพค้าส่งข้าวสาร และเริ่มมาทำเกี่ยวกับอาหารทะเลในปี 2544